วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2561

การบันทึกครั้งที่ 9

วัน พุธ ที่ 14  มีนาคม  2561


สอบกลางภาคของรายวิชาการบริหารการศึกษาระดับปฐมวัย

วันเสาร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2561

การบันทึกครั้งที่ 8

วัน พุธ ที่ 7  มีนาคม  2561


ความรู้ที่ได้รับ

ชั่วโมงเรียนที่ 8 ก่อนจะเริ่มเรียนบทเรียน อาจารย์ให้นักศึกษา 3คนแรกออกมานำเสนอคำคมที่เกี่ยวกับการบริหารการศึกษาในแบบที่ตัวเองเข้าใจ สามรถอธิบายให้เพื่อนๆและอาจารย์ฟังแล้วลึกซึ้งเข้าใจได้
1.นางสาวกษมา  แดงฤทธิ์



2.นางสาวยุคธร  ศรียะลา




3.นางสาวณัฐณิชา พุทธรักษา



จากนั้นจะเป็นการนำเสนองานวิจัยที่แต่ละกลุ่มได้ไปศึกษาค้นคว้าแล้วนำมานำเสนอให้อาจารย์และเพื่อนๆได้ฟัง

กลุ่มที่1

งานวิจัย เรื่องการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษา ในจังหวัดนครสวรรค์
การศึกษา ระดับปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย  บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย พระสกล ฐานธมฺโม (อินทร์คล้าย)
ปีการศึกษาพุทธศักราช ๒๕๕๖
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย
       ๑ เพื่อศึกษากระบวนการ การบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
๒ เพื่อเปรียบเทียบความคิดเห็นของครูและผู้บริหารต่อการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์โดยจําแนกตามปัจจัยส่วนบุคคล 
๓ เพื่อศึกษาปัญหาอุปสรรคและข้อเสนอแนะในการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย

  • การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์เฉพาะผู้บริหารและครูผู้สอนในสถานศึกษาเขตอําเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์
    ขอบเขตด้านเนื้อหา เนื้อหาของการวิจัยครั้งนี้ ผู้วิจัยได้ศึกษาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารและครูในสถานศึกษาในจังหวัดนครสวรรค์ทั้ง ๖ ด้านหลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า
    ตัวแปรที่ใช้ในการวิจัย
    ขอบเขตด้านระยะเวลา ระยะเวลาในการดําเนินการวิจัย ตั้งแต่ เดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๕๕ ถึงเดือน มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๖ รวมระยะเวลา ๗ เดือน

  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
        ในการนำหลักธรรมาภิบาลไปปรับใช้ผู้บริหารควรมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนตามหลักธรรมาภิบาลทั้ง ๖ ด้านคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าให้ได้เสียก่อน จากนั้นผู้บริหารควรสร้างความเข้าใจให้แก่บุคลากรและการปฏิบัติตนในการทํางานในหน่วยงานเช่นเดียวกัน

กลุ่มที่2


เรื่อง รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
การศึกษาระดับ  ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (การบริหารการศึกษา)
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้วิจัย นายธีระวัฒน์ มอนไธสง
ปีการศึกษา พ.ศ. 2557
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย
       1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
2. เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
3. เพื่อตรวจสอบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มี
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย

     การวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน จากการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี ตลอดจนเอกสาร และงานวิจัย
ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตเนื้อหา ดังนี้
1. นโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553)
1.1 นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสาร และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน
1.2 นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม
2. องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มี สรุปได้ 9 หัวข้อสำคัญได้แก่ 
-ภาวะผู้นำ 
-ความคาดหวังสูง 
-การมีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายที่ชัดเจน 
-การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ 
-กระบวนการจัดการเรียนการสอน  
-บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้ 
-การนิเทศกำกับติดตามผล 
-การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ 
-การพัฒนาวิชาชีพครู
  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย 
      ได้รับความรู้ในการทำวิจัย และขั้นตอนการดำเนินการ เกี่ยวกับองค์ประกอบและรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีองค์ประกอบต่างๆ เช่น การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาชัดเจน การมีภาวะผู้นำ จัดหลักสูตรที่เน้นวิชาการ การพัฒนาวิชาชีพครูและให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม และนอกจากนี้สถานศึกษาต้องยึดการกระจายอำนาจเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอีกด้วย
องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากรูปแบบการบริหารแล้ว อีกปัจจัยหลักคือผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงมีความเชี่ยวชาญ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้โรงเรียนประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพ 
มีกระบวนการการมีส่วนร่วมในการทำงาน พัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะติดตามการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งและสิ่งที่ควรพัฒนาของบุคลากรแต่ละคน  สนับสนุนให้บุคลากรแสวงหา แลกเปลี่ยนความรู้ เพิ่มทักษะความชำนาญในการปฏิบัติงานได้รับการยอมรับจากชุมชน จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ น่าดูน่าอยู่ น่าทำงาน ประสานงาน และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน วางแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา

กลุ่มที่3 


งานวิจัย : การบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี 
การศึกษาระดับ  : ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย : พระสุธิศักดิ์ สุภกิจฺโจ (เขียวหวาน) 
ปีการศึกษา : 2554
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย

         ๑. เพื่อศึกษาการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส      ทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
         ๒. เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารการศึกษาตามหลัก
ธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
         ๓. เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนขยาย
โอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
        ๑ ขอบเขตด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภบาล โรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดหลักพื้นฐานการ บริหารตามหลักธรรมาภิบาล ๖ ประการ
         ๒ ขอบเขตด้านประชากร ประชากรที่ศึกษาได้แก่ ครูที่ทำหน้าที่สอนหนังสือโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ แห่ง ซึ่งมีครูจำนวน ๑๖๐ คน 
         ๓ ขอบเขตด้านพื้นที่ เป็นการศึกษาเฉพาะ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ โรงเรียน 
  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย 
 จากความรู้ที่ได้จากวิจัย องค์ความรู้ที่ได้รับจากแนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของผู้บริหารและครูในการบริหารสถานศึกษานั้นๆและยังได้รู้ถึงเครื่องมือที่จัดทำการทำงานด้านต่างๆอีกด้วย

กลุ่มที่4

งานวิจัย เรื่อง  รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มี ประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี 
การศึกษาระดับ   ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย      ศรีปทุม
ผู้วิจัย              นางเรขา ศรีวิชัย 
ปีการศึกษา       2554
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย
1.เพื่อศึกษาสภาพการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลใน จังหวัดนนทบุรี
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล ในจังหวัดนนทบุรี
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย

ด้านเนื้อหาผู้วิจัยนำแนวคิดของทฤษฎีระบบของ Hoy &Miskel 
(2008, p. 292) มาปรับปรุงเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยเรื่องรูปแบบ
การบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งประกอบด้วย
1.  ปัจจัยนำเข้า (Inputs) ได้แก่ 
1.1 สภาพแวดล้อมของสถานศึกษา 
1.2 การสนองตอบความต้องการและแหล่งเรียนรู้ของชุมชน 
1.3 นโยบายของรัฐบาล 
        1.4 นโยบายของคณะกรรมการสถานศึกษา 
1.5 ผู้เรียน 
1.6 ผู้บริหาร และครู 
1.7 จรรยาบรรณวิชาชีพของครู 
1.8 จรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหาร
1.9 งบประมาณ 
2.  กระบวนการแปลงสภาพ (Transformation process) ได้แก่
2.1 การบริหารจัดการหลักสูตร 
2.2 กิกรรมการเรียนการสอน 
2.3 การวัด และ ประเมินผล 
3.  ผลผลิต (Outputs)ได้แก่ 
3.1 ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน 
3.2 ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน
  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย 

             จากการศึกษาวิจัย รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ความรู้ที่ได้จากวิจัย จะเห็นได้ว่าทรัพยากรที่มีความสำคัญในการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ได้แก่ สภาพแวดล้อมของสถานศึกษาการตอบสนองความต้องการของชุมชน แหล่งเรียนรู้ในชุมชน นโยบายของรัฐบาล นโยบายของคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้เรียน ผู้บริหาร ครู และงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีระบบโครงสร้างของสถานศึกษาคุณลักษณะของผู้เรียนคุณลักษณะของครู คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา คุณลักษณะของบุคลากรทางการศึกษา ระบบวัฒนธรรม ระบบการเมือง การเรียนการสอน ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน จรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหาร คุณธรรมจริยธรรม และ ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน สิ่งสำคัญเหล่านี้เป็นส่วนย่อยในการบริหารสถานศึกษาที่ได้รับจากกาศึกษาวิจัย

กลุ่มที่5


งานวิจัย  เรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ผู้วิจัย นางสาว ยุกตนันท์ หวานฉ่ำ
ปีการศึกษา 2555
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย 
        1. เพื่อศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย 

        การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 โดยมีขอบเขตการวิจัยดังนี้ 
ขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบข่ายงานบริหารสถานศึกษา 4 ด้านตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 คือ
-ด้านการบริหารวิชาการ
-ด้านการบริหารงบประมาณ 
-ด้านการบริหารงานบุคคลและ
-ด้านการบริหารทั่วไป
  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย
         จะเห็นได้ว่า ในการที่จะเป็นนักบริหารที่ดีในอนาคตนั้นจะต้องมีคุณลักษณะหลายอย่างที่เป็นแบบใหม่แนวใหม่ และแบบผสมผสานที่ไม่มีลักษณะเฉพาะที่ตายตัว และสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาแล้ว ก็คงไม่อยู่ในข้อยกเว้นเช่นกันการที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บริหารในระดับมืออาชีพนั้น ต่อไปคงต้องเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล มีมุมมองในการบริหารการทำงานเชิงกลยุทธ์ รู้จักการประมวลวิเคราะห์ ประเมินและตัดสินใจและยังต้องดูแล รับผิดชอบการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาในทุกด้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการบริหารคุณภาพโครงการพัฒนาวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาประจำการ (ชุดวิชาภาวะผู้นำทางการศึกษา.กรุงเทพ : สำนักงานส่งเสริมวิชาชีพ สำนักงานเลขานุการคุรุสภา,2549.จริยะ วิโรจน์ และคณะ การวิจัยเชิงประเมินผลโรงเรียนปฏิรูปการเรียนรู้ เขตการศึกษา 5.ราชบุรี :สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 4 กระทรวงศึกษาธิการ, 2546.จำลอง นักฟ้อน เส้นทางสู่นักบริหารการศึกษามืออาชีพ)

กลุ่มที่6
งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
การศึกษาระดับ  ประถมศึกษา  
มหาวิทยาลัย  หาดใหญ่
ผู้วิจัย  ลดารัตน์  ศศิธร
ปีการศึกษา  2558
  • วัตถุประสงค์ของการวิจัย  
        1.ศึกษาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
        2.เปรียบเทียบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ตามความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตาม ตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาและลักษณะของโรงเรียน
       3.ศึกษาความพึงพอใจ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
      4.รวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
  • ขอบเขตของการศึกษาวิจัย
            ผู้วิจัยมุ่งศึกษา การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ในช่วงปีการศึกษา 2555-2556 ตามกรอบการบริหารและการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาต พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พ.ศ. 2545 ซึ่งครอบคลุมภารกิจ 4 ด้าน ดังนี้ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่,2555, น.50-55)
 1.1ด้านการบริหารจัดการทั่วไป
 1.2ด้านการบริหารการเงิน พัสดุ และทรัพย์สิน
 1.3ด้านการบริหารงานบุคคล
 1.4ด้านการบริหารงานวิชาการ
  • สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
     ในการทำวิจัยในครั้งนี้กลุ่มพวกเราได้รับทั้งความรู้ของเนื้อหาที่มาของการทำวิจัย การแก้ปัญหาต่างๆในเรื่องของการทำวิจัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ  ซึ่งได้เห็นตัวอย่างรายละเอียดของข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเนื้อหาการวิเคราะห์ข้อมูล  การหาสถิติ รวมไปถึงขั้นตอนการทำวิจัยรวมถึงเครื่องมือในการทำแบบสอบถาม

ประเมินอาจารย์ 
  1. อาจารย์ตั้งใจฟังวิจัยที่นักศึกษานำเสนอเป็นอย่างมาก
ประเมินตัวเอง
  1. วันนี้ตั้งใจนำเสนอวิจัยของกลุ่มตัวเองและก็ตั้งใจฟังวิจัยของกลุ่มเพื่อน
ประเมินเพื่อน
  1. เพื่อนตั้งใจเรียนเหมือนทุกวันและตั้งใจฟังและนำเสนอวิจัยเป็นอย่างมาก

วันเสาร์ที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2561

การบันทึกครั้งที่ 7

วัน พุธ ที่ 28 กุมภาพันธ์  2561



สอบกลางภาค

การบันทึกครั้งที่ 6

วัน พุธ ที่ 21 กุมภาพันธ์  2561


ความรู้ที่ได้รับ

ชั่วโมงเรียนที่ 6 ก่อนจะเริ่มเรียนบทเรียน อาจารย์ให้นักศึกษา 3คนแรกออกมานำเสนอคำคมที่เกี่ยวกับการบริหารการศึกษาในแบบที่ตัวเองเข้าใจ สามรถอธิบายให้เพื่อนๆและอาจารย์ฟังแล้วลึกซึ้งเข้าใจได้
1.นางสาวภทรธร รัชนิพนธ์


2.นางสาวปรีชญา ชื่นแย้ม



3.นางสาวมาณิศา บุตรพรม



**ในชั่วโมงนี้จะมีการออกไปนำเสนอชื่อของตัวเองที่เกี่ยวข้องกับการบริหารโดยจะนำเสนอในแต่ละตัวว่าตัวอักษรนี้จะมีความหมายอย่างไร  

คนที่ 1.นางสาวไพจิตร ฉันทเกษมคุณ



คนที่ 2. นางสาวศิริพร พันโญศรัณยา




คนที่ 3. นางสาวกัลปพฤกษ์ ชะนะมา





                                               คนที่ 4. นางสาวปฐมพร จันวิมล



                                                          
                                                     คนที่ 5. นางสาวจิราภรณ์ ฟักเขียว



                                                  คนที่ 6. นางสาววนิดา สาเมาะ



                                              คนที่ 7. นางสาวชลนิชา สิงห์คู่




**จากนั้นก็จะเป็นการเข้าสู่บทเรียนเรื่อง โครงสร้างขององค์กรและการจัดระบบบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย.....


การบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย มีลักษณะการบริหารเฉพาะตัว โดยที่ต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1. นโยบาย และยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศของรัฐบาล
2. แผนพัฒนาการศึกษาแห่งชาติ
3. แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
4. พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ
5. หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
6. ปรัชญา นโยบายและวัตถุประสงค์ของสถานศึกษา

7. ความต้องการของชุมชน
การจัดประเภท และรูปแบบสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในประเทศไทย
1. การจัดแบ่งตามโครงสร้างการบริหารตามขนาด แบ่งเป็น 3 ขนาด คือ
1) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดเล็ก
2) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดกลาง
3) โครงสร้างบริหารสถานศึกษาปฐมวัยขนาดใหญ่
2. การแบ่งตามรูปแบบตามพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ
(พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2 )พ.ศ. 2545 กล่าวไว้ใน มาตรา 15กำหนดการจัดการศึกษา มี 3 รูปแบบ คือ)
1.รูปแบบในระบบโรงเรียน
2.รูปแบบนอกระบบโรงเรียน
3.รูปแบบตามอัธยาศัย
3. รูปแบบการให้บริการแบบใหม่
คือ การรวมเด็กที่ผิดปกติและเด็กปกติไว้ด้วยกัน โดยเรียกแบบนี้ว่า “Normalization”
หลักในการบริหารงานสถานพัฒนาเด็กปฐมวัย

1. การบริหารงานวิชาการ
2. การบริหารงานบุคคลในสถานศึกษาปฐมวัย
3. การบริหารงานธุรการและการเงินในสถานศึกษาปฐมวัย
4. การบริหารงานกิจการนักเรียนในสถานศึกษาปฐมวัย  
5. การบริหารสภาพแวดล้อมในสถานศึกษาปฐมวัย

 การบริหารสถานพัฒนาเด็กปฐมวัยในยุคปฏิรูป
 การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน --> การบริหารโดยกระจายอำนาจทางการศึกษาไปยังสถานศึกษาโดยตรงให้มีอำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบและความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากที่สุด

องค์กรแห่งการเรียนรู้
-ศาสตร์ทั้ง 5 ขององค์กรแห่งการเรียนรู้ (ปีเตอร์ เอ็ม. เซงเก (Peter M. Senge) 
การบริหารแบบมีส่วนร่วม


ประเมินอาจารย์ 
  1. อาจารย์ตั้งใจสอนและให้ความรู้แก่นักศึกษาเป็นอย่างมาก
ประเมินตัวเอง
  1. ทุกครั้งเมื่อมีชีทในการเรียนการสอนทำให้ตั้งใจเรียนและตั้งใจฟังจด เรื่องที่จะเรียนในทุกครั้ง
ประเมินเพื่อน
  1. เพื่อนตั้งใจเรียนทุกครั้งถึงแม้วันนี้เพื่อนบางคนจะตั้งใจบ้างหรืออาจจะสนใจอย่างอื่นบ้างแต่ทุกคนก็ตั้งใจเรียนทุกครั้ง

การบันทึกครั้งที่ 16 วัน พุธ ที่ 25  เมษายน  2561 ความรู้ที่ได้รับ ชั่วโมงเรียนที่ 16 ก่อนจะเริ่มเรียนบทเรียน อาจารย์ให้นักศึ...