จากนั้นจะเป็นการนำเสนองานวิจัยที่แต่ละกลุ่มได้ไปศึกษาค้นคว้าแล้วนำมานำเสนอให้อาจารย์และเพื่อนๆได้ฟัง
ในการนำหลักธรรมาภิบาลไปปรับใช้ผู้บริหารควรมีความเข้าใจและสามารถปฏิบัติตนตามหลักธรรมาภิบาลทั้ง ๖ ด้านคือ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักความมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่าให้ได้เสียก่อน จากนั้นผู้บริหารควรสร้างความเข้าใจให้แก่บุคลากรและการปฏิบัติตนในการทํางานในหน่วยงานเช่นเดียวกัน
กลุ่มที่2
เรื่อง รูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตรดุษฎีบัณฑิต (การบริหารการศึกษา)
มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ผู้วิจัย นายธีระวัฒน์ มอนไธสง
ปีการศึกษา พ.ศ. 2557
1. เพื่อศึกษาองค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
2. เพื่อศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน
3. เพื่อตรวจสอบรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มี
การวิจัยครั้งนี้ มุ่งศึกษารูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน จากการศึกษาค้นคว้าแนวคิด ทฤษฎี ตลอดจนเอกสาร และงานวิจัย
ต่าง ๆ ผู้วิจัยได้กำหนดขอบเขตเนื้อหา ดังนี้
1. นโยบายด้านการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการในการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ประกอบด้วย (กระทรวงศึกษาธิการ, 2553)
1.1 นโยบายที่ 1 การเผยแพร่ความรู้ข้อมูลข่าวสาร และเจตคติที่ดีเกี่ยวกับอาเซียน
1.2 นโยบายที่ 2 การพัฒนาศักยภาพของนักเรียน นักศึกษา และประชาชนให้มีทักษะที่เหมาะสม
2. องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มี สรุปได้ 9 หัวข้อสำคัญได้แก่
-ภาวะผู้นำ
-ความคาดหวังสูง
-การมีวิสัยทัศน์ และเป้าหมายที่ชัดเจน
-การพัฒนาหลักสูตรที่เน้นวิชาการ
-กระบวนการจัดการเรียนการสอน
-บรรยากาศสภาพแวดล้อมขององค์การที่เอื้อต่อการเรียนรู้
-การนิเทศกำกับติดตามผล
-การมีส่วนร่วมของชุมชน/ผู้ปกครอง และ
-การพัฒนาวิชาชีพครู
- สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
ได้รับความรู้ในการทำวิจัย และขั้นตอนการดำเนินการ เกี่ยวกับองค์ประกอบและรูปแบบการบริหารสถานศึกษาที่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งมีองค์ประกอบต่างๆ เช่น การตั้งวิสัยทัศน์และเป้าหมาชัดเจน การมีภาวะผู้นำ จัดหลักสูตรที่เน้นวิชาการ การพัฒนาวิชาชีพครูและให้ผู้ปกครองมีส่วนร่วม และนอกจากนี้สถานศึกษาต้องยึดการกระจายอำนาจเพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมอีกด้วย
องค์ประกอบการบริหารสถานศึกษาที่มีประสิทธิผลของโรงเรียนต้นแบบการพัฒนาสู่ประชาคมอาเซียน นอกจากรูปแบบการบริหารแล้ว อีกปัจจัยหลักคือผู้บริหารสถานศึกษาผู้บริหารสถานศึกษาต้องเป็นผู้มีความรู้ ความสามารถอย่างแท้จริงมีความเชี่ยวชาญ มุ่งมั่นปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้โรงเรียนประสบความสำเร็จอย่างมืออาชีพ
มีกระบวนการการมีส่วนร่วมในการทำงาน พัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะติดตามการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างใกล้ชิด เพื่อวิเคราะห์จุดอ่อนจุดแข็งและสิ่งที่ควรพัฒนาของบุคลากรแต่ละคน สนับสนุนให้บุคลากรแสวงหา แลกเปลี่ยนความรู้ เพิ่มทักษะความชำนาญในการปฏิบัติงานได้รับการยอมรับจากชุมชน จัดสภาพแวดล้อมในการทำงานให้ น่าดูน่าอยู่ น่าทำงาน ประสานงาน และแสวงหาความร่วมมือจากทุกภาคส่วน นำมาใช้ในการพัฒนาคุณภาพผู้เรียน ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน วางแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนา
กลุ่มที่3
งานวิจัย : การบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษา อำเภอ เลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
การศึกษาระดับ : ปริญญาพุทธศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย : มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
ผู้วิจัย : พระสุธิศักดิ์ สุภกิจฺโจ (เขียวหวาน)
ปีการศึกษา : 2554
๑. เพื่อศึกษาการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาส ทางการศึกษาอำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๒. เพื่อเปรียบเทียบระดับความคิดเห็นต่อการบริหารการศึกษาตามหลัก
ธรรมาภิบาล โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๓. เพื่อศึกษาแนวทางการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลโรงเรียนขยาย
โอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี
๑ ขอบเขตด้านเนื้อหา การวิจัยครั้งนี้มุ่งศึกษาเกี่ยวกับการบริหารการศึกษาตามหลักธรรมาภบาล โรงเรียน ขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยระบบการบริหารกิจการบ้านเมืองและสังคมที่ดี พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งกำหนดหลักพื้นฐานการ บริหารตามหลักธรรมาภิบาล ๖ ประการ
๒ ขอบเขตด้านประชากร ประชากรที่ศึกษาได้แก่ ครูที่ทำหน้าที่สอนหนังสือโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ แห่ง ซึ่งมีครูจำนวน ๑๖๐ คน
๓ ขอบเขตด้านพื้นที่ เป็นการศึกษาเฉพาะ โรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา ที่ตั้งอยู่ใน อำเภอเลาขวัญ จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน ๑๓ โรงเรียน
- สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
จากความรู้ที่ได้จากวิจัย องค์ความรู้ที่ได้รับจากแนวทางการพัฒนาการบริหารสถานศึกษาตามหลักธรรมาภิบาลของผู้บริหารสถานศึกษาการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพของผู้บริหารและครูในการบริหารสถานศึกษานั้นๆและยังได้รู้ถึงเครื่องมือที่จัดทำการทำงานด้านต่างๆอีกด้วย
กลุ่มที่4
งานวิจัย เรื่อง รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มี ประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี
การศึกษาระดับ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาบริหารการศึกษา
มหาวิทยาลัย ศรีปทุม
ผู้วิจัย นางเรขา ศรีวิชัย
ปีการศึกษา 2554
1.เพื่อศึกษาสภาพการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลใน จังหวัดนนทบุรี
2. เพื่อพัฒนารูปแบบการบริหารงานของสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผล ในจังหวัดนนทบุรี
ด้านเนื้อหาผู้วิจัยนำแนวคิดของทฤษฎีระบบของ Hoy &Miskel
(2008, p. 292) มาปรับปรุงเป็นกรอบแนวคิดในการวิจัยเรื่องรูปแบบ
การบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ซึ่งประกอบด้วย
1. ปัจจัยนำเข้า (Inputs) ได้แก่
1.1 สภาพแวดล้อมของสถานศึกษา
1.2 การสนองตอบความต้องการและแหล่งเรียนรู้ของชุมชน
1.3 นโยบายของรัฐบาล
1.4 นโยบายของคณะกรรมการสถานศึกษา
1.5 ผู้เรียน
1.6 ผู้บริหาร และครู
1.7 จรรยาบรรณวิชาชีพของครู
1.8 จรรยาบรรณวิชาชีพของผู้บริหาร
1.9 งบประมาณ
2. กระบวนการแปลงสภาพ (Transformation process) ได้แก่
2.1 การบริหารจัดการหลักสูตร
2.2 กิกรรมการเรียนการสอน
2.3 การวัด และ ประเมินผล
3. ผลผลิต (Outputs)ได้แก่
3.1 ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน
3.2 ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน
- สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
จากการศึกษาวิจัย รูปแบบการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ความรู้ที่ได้จากวิจัย จะเห็นได้ว่าทรัพยากรที่มีความสำคัญในการบริหารงานสถานศึกษาเอกชนระดับปฐมวัยที่มีประสิทธิผลในจังหวัดนนทบุรี ได้แก่ สภาพแวดล้อมของสถานศึกษาการตอบสนองความต้องการของชุมชน แหล่งเรียนรู้ในชุมชน นโยบายของรัฐบาล นโยบายของคณะกรรมการสถานศึกษา ผู้เรียน ผู้บริหาร ครู และงบประมาณ นอกจากนี้ยังมีระบบโครงสร้างของสถานศึกษาคุณลักษณะของผู้เรียนคุณลักษณะของครู คุณลักษณะของผู้บริหารสถานศึกษา คุณลักษณะของบุคลากรทางการศึกษา ระบบวัฒนธรรม ระบบการเมือง การเรียนการสอน ผลสัมฤทธิ์ของนักเรียน จรรยาบรรณวิชาชีพครู จรรยาบรรณวิชาชีพผู้บริหาร คุณธรรมจริยธรรม และ ความพึงพอใจของผู้ปกครองนักเรียน สิ่งสำคัญเหล่านี้เป็นส่วนย่อยในการบริหารสถานศึกษาที่ได้รับจากกาศึกษาวิจัย
กลุ่มที่5
งานวิจัย เรื่อง การบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียน ในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
การศึกษาระดับ ปริญญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑิต
มหาวิทยาลัย เทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี
ผู้วิจัย นางสาว ยุกตนันท์ หวานฉ่ำ
ปีการศึกษา 2555
1. เพื่อศึกษาระดับการบริหารสถานศึกษาของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
2. เพื่อศึกษาประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
3. เพื่อศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1
การวิจัยครั้งนี้เป็นการศึกษาการบริหารสถานศึกษากับประสิทธิผลของโรงเรียนในอำเภอคลองหลวง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานีเขต 1 โดยมีขอบเขตการวิจัยดังนี้
ขอบเขตด้านเนื้อหา ขอบข่ายงานบริหารสถานศึกษา 4 ด้านตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติพ.ศ.2542และที่แก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2545 และ(ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 คือ
-ด้านการบริหารวิชาการ
-ด้านการบริหารงบประมาณ
-ด้านการบริหารงานบุคคลและ
-ด้านการบริหารทั่วไป
- สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากการวิจัย
จะเห็นได้ว่า ในการที่จะเป็นนักบริหารที่ดีในอนาคตนั้นจะต้องมีคุณลักษณะหลายอย่างที่เป็นแบบใหม่แนวใหม่ และแบบผสมผสานที่ไม่มีลักษณะเฉพาะที่ตายตัว และสำหรับผู้บริหารสถานศึกษาแล้ว ก็คงไม่อยู่ในข้อยกเว้นเช่นกันการที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บริหารในระดับมืออาชีพนั้น ต่อไปคงต้องเป็นผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์มองการณ์ไกล มีมุมมองในการบริหารการทำงานเชิงกลยุทธ์ รู้จักการประมวลวิเคราะห์ ประเมินและตัดสินใจและยังต้องดูแล รับผิดชอบการดำเนินงานตามปกติของสถานศึกษาในทุกด้านให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการบริหารคุณภาพโครงการพัฒนาวิชาชีพผู้บริหารการศึกษา และผู้บริหารสถานศึกษาประจำการ (ชุดวิชาภาวะผู้นำทางการศึกษา.กรุงเทพ : สำนักงานส่งเสริมวิชาชีพ สำนักงานเลขานุการคุรุสภา,2549.จริยะ วิโรจน์ และคณะ การวิจัยเชิงประเมินผลโรงเรียนปฏิรูปการเรียนรู้ เขตการศึกษา 5.ราชบุรี :สำนักผู้ตรวจราชการประจำเขตตรวจราชการที่ 4 กระทรวงศึกษาธิการ, 2546.จำลอง นักฟ้อน เส้นทางสู่นักบริหารการศึกษามืออาชีพ)
กลุ่มที่6
งานวิจัย เรื่อง การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงาน เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่
การศึกษาระดับ ประถมศึกษา
มหาวิทยาลัย หาดใหญ่
ผู้วิจัย ลดารัตน์ ศศิธร
ปีการศึกษา 2558
1.ศึกษาการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารการศึกษา ครูผู้สอนและคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.เปรียบเทียบการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วมสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ตามความเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จำแนกตาม ตำแหน่ง ประสบการณ์ในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาและลักษณะของโรงเรียน
3.ศึกษาความพึงพอใจ การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของ ผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
4.รวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะ ในการบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ตามความคิดเห็นของผู้บริหารสถานศึกษา ครูผู้สอน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ผู้ปกครองนักเรียน และนักเรียน
ผู้วิจัยมุ่งศึกษา การบริหารจัดการโรงเรียนขนาดเล็กโดยการจัดการเรียนร่วม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่ ในช่วงปีการศึกษา 2555-2556 ตามกรอบการบริหารและการจัดการศึกษาตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาต พ.ศ.2542 และแก้ไขเพิ่มเติม(ฉบับที่2) พ.ศ. 2545 ซึ่งครอบคลุมภารกิจ 4 ด้าน ดังนี้ (สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษากระบี่,2555, น.50-55)
1.1ด้านการบริหารจัดการทั่วไป
1.2ด้านการบริหารการเงิน พัสดุ และทรัพย์สิน
1.3ด้านการบริหารงานบุคคล
1.4ด้านการบริหารงานวิชาการ
- สะท้อนองค์ความรู้ที่ได้จากวิจัย
ในการทำวิจัยในครั้งนี้กลุ่มพวกเราได้รับทั้งความรู้ของเนื้อหาที่มาของการทำวิจัย การแก้ปัญหาต่างๆในเรื่องของการทำวิจัยได้อย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งได้เห็นตัวอย่างรายละเอียดของข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับเนื้อหาการวิเคราะห์ข้อมูล การหาสถิติ รวมไปถึงขั้นตอนการทำวิจัยรวมถึงเครื่องมือในการทำแบบสอบถาม
ประเมินอาจารย์
- อาจารย์ตั้งใจฟังวิจัยที่นักศึกษานำเสนอเป็นอย่างมาก
ประเมินตัวเอง
- วันนี้ตั้งใจนำเสนอวิจัยของกลุ่มตัวเองและก็ตั้งใจฟังวิจัยของกลุ่มเพื่อน
ประเมินเพื่อน
- เพื่อนตั้งใจเรียนเหมือนทุกวันและตั้งใจฟังและนำเสนอวิจัยเป็นอย่างมาก